Wednesday, June 29, 2005

Discover the Arabian Gulf's properties

ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้ขอใช้ภาษาอังกฤษเป็นชื่อเรื่อง และต้องขอโทษเป็นครั้งที่สองที่วันนี้เราจะพูดถึงแต่ความหรูหรา ครับ วันนี้ผมจะทำตัวให้เป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์เข้าสักวัน ผมจะพูดถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตะวันออกกลางซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขา (กำลัง) ขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างเกาะ (Man-Made Island) เพื่อเป็นสถานที่พักตากอากาศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้ามาลงทุนกันในประเทศแถบตะวันออกกลางซึ่งเคยขึ้นชื่อนักหนาว่าเป็นประเทศปิด

ประเทศเหล่านี้ตระหนักถึงกระแสโลกานุวัฒน์ที่ถ่าโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งผู้ที่เริ่มรับกับกระแสนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็คือเมืองดูไบที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดีอยู่ ตามมาด้วย กาตาร์ บาห์เรนที่อยู่ในระยะแรกเริ่ม ส่วนซาอุดิอาระเบียที่เป็นพี่ใหญ่อีกประเทศในภูมิภาคนี้นั้นยังคงปิดประเทศอยู่ ไม่ใช่ว่าล้าหลังหรืออะไรหรอก ครับ แต่บางทีการคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมทางศาสนาที่เก่าแก่ก็เป็นการให้ประชาชนในชาติอยู่ร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่นได้อีกทางหนึ่งนะครับ (ผมพยายามอธิบายให้เห็นถึงแนวทางการรับกระแสโลกานุวัฒน์ของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันออกไปครับ)

กลับเข้ามาสู่เรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผมพยายามจะนำเสนอกันดีกว่า ก่อนที่จะนอกประเด็นไปมากกว่านี้ เริ่มต้นจากที่ดูไป ได้มีการสร้างเกาะขนาดใหญ่ขึ้น 2 เกาะ ชื่อว่า The Palm Islands โดยรูปลักษณ์ของเกาะมีลักษณะคล้ายๆ ต้นปาล์ม มีลำต้น และมีใบแยกเป็นแฉกออกไป ได้ชื่อว่าเป็น man made islands ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบริเวณชายฝั่งรวมกันถึง 120 กิโลเมตร (เกือบเท่ากรุงเทพ-ชลบุรีเลยนะ) และได้ถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก สิ่งก่อสร้างประกอบด้วย โรงแรมระดับหรู 60 แห่ง ที่พักอาศัยบนตัวเกาะ 4,000 หลังคาเรือน ที่พักที่ยื่นออกไปริมน้ำ 1,000 หลังคาเรือน และ อพาร์ทเมนต์ 5,000 ยูนิต แต่เสียใจนะครับ ทั้งหมดนี้ขายออกไปหมดแล้ว


เกาะทั้งสองนี้แบ่งออกเป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัวทีเดียว เกาะแรกที่ผมจะกล่าวถึงมีชื่อเรียกว่า The Palm Jumeirah เป็นสถานที่สำหรับที่พักอาศัยโดยเฉพาะ ซึ่งจะประกอบด้วยที่พักที่ผมได้กล่าวมาไว้ข้างต้น การก่อสร้างเกาะแห่งนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2544 และมีกำหนดเสร็จประมาณช่วงปลายปี 2548 หรือต้นปี 2549

เกาะที่สองมีชื่อว่า The Palm Jebel Ali ซึ่งเกาะแห่งนี้จะเป็นศูนย์รวมความบันเทิงไว้อย่างครบครัน เพิ่อดึงดูดทั้งผู้พักอาศัยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังดูไบ เกาะนี้จะใหญ่กว่าเกาะแรกครึ่งเท่าตัว การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2545 และมีกำหนดเสร็จในปลายปี 2550

เนื่องจากอาคารที่พักอาศัยบนเกาะ Palm ได้ถูกจับจองไว้เต็มหมดแล้ว จึงทำให้ทางการดูไบประกาศสร้างเกาะแห่งที่สามขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมานี้เอง โดยมีชื่อว่า The Palms Deira เกาะแห่งนี้จะใหญ่ก่าเกาะทั้งสอง และรวบรวมทุกอย่างไว้ครบวงจร ตั้งแต่ที่พักอาศัย รวมไปถึงสถานที่ด้านความบันเทิงต่างๆ เกาะนี้จะมีความยาว 14 กิโลเมตร และความกว้าง 8.5 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเร็วๆ นี้







นอกเหนือจาก Palm Islands แล้ว ยังได้มีการก่อสร้างหมู่เกาะที่มีชื่อว่า The World Islands ขึ้นอีก เกาะแห่งนี้มีรูปร่างเป็นรูปแผนที่โลก (เป็นผม ผมจะไปจองตรงที่ๆ เป็นส่วนของประเทศไทยเสียเลย) อยู่ใกล้ๆ กับ Palm Islands หมู่เกาะแห่งนี้ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยถึงจำนวนประมาณ 250-300 เกาะ แต่ละเกาะจะอยู่ห่างกันประมาณ 50-100 เมตร สำหรับผู้ที่ไปศัยอยู่และคิดจะว่ายน้ำไปแต่ละเกาะนั้นขอเตือนว่าการเดินทางไปยังแต่ละเกาะสามารถเดินทางได้เพียงทางเรือเท่านั้น เกาะแห่งนี้มีความยาว 9 กิโลเมตร และความกว้าง 6 กิโลเมตร มีมูลค่าการก่อสร้าง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายในปลายปีนี้ ขณะนี้กำลังเปิดให้นักลงทุนจองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในแต่ละเกาะ ซึ่งสนนราคาก็ไม่มากไม่น้อย แค่ 6.85 ล้านเหรียญสหรัฐเองครับ


ไหนๆ ก็กล่าวถึงดูไบแล้ว ผมก็ขอถือโอกาสกล่าวถึงกาตาร์ด้วยเลยละกัน ที่กาตาร์ก็มีการก่อสร้างเกาะอยู่เช่นกันโดยของกาตาร์มีชื่อว่า The Pearl Qatar มีรูปร่างไม่ค่อยจะเป้นเอกลักษณ์เหมือนของที่ดูไบ คือจะดูคล้ายๆ ขดหอย แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
โครงการ Pearl-Qatar เป็นโครงการก่อสร้างเกาะขนาดใหญ่ เนื้อที่ 2,500 ไร่ ชายฝั่งความยาว 30 กิโลเมตร เพื่อเป็นที่พักอาศัยและเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุน และนับเป็นโครงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่โครงการแรกของกาตาร์ เกาะแห่งนี้ประกอบด้วยที่พักอาศัยระดับหรูหราจำนวน 30,000 หลัง โรงแรมระดับห้าดาวจำนวน 3 แห่ง ศูนย์การศึกษา ร้านค้า ภัตตาคาร สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สปา ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเกาะแห่งนี้จะถูกออกแบบในลักษณะ Riviera Arabia ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเมอร์ดิเตอเรเนียนและอาหรับ


โครงการแห่งนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ระยะ โดยระยะแรกได้ขายให้แก่นักลงทุนทั้งจากต่างประเทศและประเทศในกลุ่ม GCC ไปหมดแล้ว คาดว่าจะเปิดให้เข้าไปพักอาศัยได้ในช่วงต้นปี 2550 รวมทั้งได้เปิดให้จองระยะที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น
จากข้อมูลไม่มากไม่น้อยที่ผมให้มาเกี่ยวกับการก่อสร้างเกาะของทั้งสองประเทศจะเห็นได้ว่าประเทศในภูมิภาคนี้เริ่มมีเป้าหมายสร้างโอกาสให้แก่นักลงทุนในธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมีความเจริญเติบโตสูงในประเทศเหล่านี้ และนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจ โครงการดังกล่าวยังได้ตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลคือก่อให้เกิดความหลากหลายทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน และอาจเสริมสร้างมาตรฐานด้านวัฒนธรรม


โครงการที่ผมกล่าวมาข้างต้นเหล่านี้ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางให้มีชื่อเสียงในด้านที่พักอาศัย สถานที่จับจ่ายใช้สอย และจุดหมายปลายทางของท่องเที่ยวชั้นดี ทั้งนี้ประเทศบางประเทศยังได้จัดการปรับปรุงกฎหมายในด้านนี้โดยอนุญาตให้ชาวต่างประเทศสามารถเข้าไปมีในกรรมสิทธิในที่ดินในประเทศได้ เท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังมีบทบาทที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากพวกเขารู้ตัวว่าทรัพยากรน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศนับวันก็เริ่มจะหมดไป ดังนั้น ควรจะต้องมีการพัฒนาธุรกิจประเภทอื่นเพื่อเพิ่มอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงดุลการค้าต่อไป อย่างไรก็ดีการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างประเทศอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาแต่โบราณและเคร่งครัด (มากๆ) ของชาวอาหรับ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามสำหรับเราๆ ท่านๆ ต่อไปครับ

HK
29 มิ.ย. 48

4 Comments:

Anonymous Anonymous said...

น่าสนใจมากครับ

ช่วงนี้เป็นช่วงฟองสบู่ธุิรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกมุมเมืองของโลก ดังที่หลายคนว่าไว้จริงๆ

ภูมิภาคตะวันออกกลางน่าสนใจจริงๆ ครับ สักวันจะขอเหยียบย่างไปให้ถึงให้ได้

ตอนนี้ก็เพียงแต่ฟังมึงเล่าเท่าันั้น

น่าสนใจตรงวิศวกรรมการก่อสร้างเกาะเหล่านี้จังว่าเขาทำอย่างไรให้เป็นรูปเป็นร่างได้ถึงขนาดนั้น จะว่าเอาดินไปถมก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเอาดินไปโปาะในน้ำทะเล จะต้องใ้ช้ดินกันมากเพียงไหน หวังว่ามึงจะนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังต่อนะ

10:31 AM  
Anonymous Anonymous said...

ขอบคุณนะคะ สำหรับความรู้ใหม่ๆ
แหม สงสัยมานาน ว่าเกาะต้นปาล์มนี่มันอยู่ตรงไหน มองลงมาเห็น ถามใครก็ไม่มีใครรู้ อยู่ดูไบนี่เอง..
เก่งจัง Good job!!!Keep it up!!

1:05 AM  
Blogger Lex Luthor said...

เกาะสวยมากเลย ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะทำได้ขนาดนี้

6:57 PM  
Blogger kasab71 said...

น่าสนใจดีหัวขี้ สวยดีจริงว่ะ ว่าแต่ ที่ดูไบมีแหล่งดําน้ำไหม

เคยได้ยินว่า เขาไปดําน้ำที่ติมอร์กัน(ไม่รู้อยู่ใกล้ดูไบหรือเปล่า)

8:50 AM  

Post a Comment

<< Home