Monday, July 04, 2005

ดนตรีการเมือง

ว่าจะเขียนเล่าเรื่องชีวิตวันหยุดสุดสัปดาห์ในตะวันออกกลางเสียหน่อย แต่เมื่อกางหนังสือพิมพ์ฉบับวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2548 สายตาก็พลันสะดุดกับข่าวการจัดคอนเสิร์ต Live 8 ที่มีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คอนเสิร์ตนี้มีความไม่ธรรมดาจนทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะต้องนำมาพูดถึงให้ท่านได้ฟังกัน

ที่ว่าไม่ธรรมดาก็เนื่องจากว่า คอนเสิร์ตดังกล่าวจัดขึ้นในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ กรุงโตเกียว กรุงโยฮันเนสเบิร์ก กรุงโรม กรุงลอนดอน เมืองคอร์นเวลล์ในประเทศอังกฤษ กรุงมอสโก เมืองแบร์รี่ในแคนาดา และเมืองฟิลาเดลเฟีย โดยทั้งหมดถูกจัดขึ้นในวันเดียวกันคือวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2548 ในช่วงเวลาต่างกัน โดยจะไล่มาจากประเทศทางทิศตะวันออก รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และอินเตอร์เนตเพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานในคอนเสิร์ตนี้

สำหรับโต้โผใหญ่ในการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้คืออดีตนักร้องเพลงร็อคที่มีชื่อเสียงผู้อุทิศตนเองเพื่อสังคมอย่าง Sir Bob Geldof เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้แล้วคงทำให้หลายคนนึกไปถึงคอนเสิร์ต Live Aid Charity Concert ที่จัดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่มาก โดยหลายท่านคงจะจำกันได้จากบทเพลง We are the World อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนั้นและครั้งนี้ได้แตกต่างกันออกไป โดยในครั้งนั้น คอนเสิร์ตได้ถูกจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจนในประเทศเอธิโอเปีย แต่ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่โก้เก๋กว่านั้นหลายเท่า คือ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาให้เห็นถึงปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยมีสโลแกนที่สวยหรูว่า Make Poverty History เหตุที่คอนเสิร์ตถูกจัดขึ้นในเวลานี้ก็เนื่องจากว่าการประชุม G-8 ซึ่งเป็นการประชุมของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (ได้แก่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มประเทศเหล่านี้ดำเนินการขจัดหนี้สินของประเทศยากจนในทวีปแอฟริกา การรณรงค์การค้าที่มีความยุติธรรม และเพิ่มความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ต่อไป

ในแต่ละประเทศก็จะมีศิลปินระดับ Big Names เข้าร่วมมากมายทั้งศิลปินท้องถิ่นหริอศิลปินระดับโลก แต่ไฮไลต์ของงานจริงๆ อยู่ที่คอนเสิร์ตที่ Hyde Park ในกรุงลอนดอน โดยมีเข้าร่วมชมกว่า 200,000 คน (ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีผู้เข้าชมหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน) โดยศิลปินที่เข้าร่วมต่างงัดฝีมืออันสุดยอดมาประชันกัน Sir Paul McCarthney แห่งวงสี่เต่าทอง The Beatles และ Bono จากวง U2 ถึงกับประกาศว่านี่จะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตร็อคที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา (ฟังแค่นี้ก็ขนลุกแล้วครับ)

ความไม่ธรรมดาอีกอย่างของคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือนอกจากศิลปินชื่อดังที่มาร่วมงานตามเวทีต่างๆ ทั่วโลกอย่าง Madonna Bjork REM Will Smith Celine Dion หรือ Pink Floyd แล้ว บุคคลสำคัญทั้งภาคการเมืองและภาคธุรกิจอย่าง Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติ หรือเจ้าพ่อวงการคอมพิวเตอร์อย่าง Bill Gates ต่างให้การสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

การจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้แม้จะอาจไม่มีผลทางกระบวนการทางการเมืองมากนักในการแก้ไขปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา แต่เชื่อว่าอาจเป็นปฐมบทให้ประชาชนได้หันมาตระหนักถึงปัญหาความยากจนดังกล่าวมากขึ้น แม้ผมจะได้เพียงแค่ติดตามข่าวจากทางโทรทัศน์และทางหน้าหนังสือพิมพ์ (ด้วยใจที่หวังว่าผลจากการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้อาจส่งผลต่อผลการประชุมกลุ่ม G-8) แต่ก็ได้เห็นถึงพลังของประชาชนที่ต้องการให้ชาวแอฟริกันทั้งหลายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่ายังไงคนทั้งโลกต่างเป็นพี่น้องซึ่งกันและกันและไม่มีวันทิ้งกันเมื่อพี่น้องคนใดคนหนึ่งต้องประสบกับปัญหา สำหรับบรรยากาศคอนเสิร์ตผมอาจจะไม่ได้สัมผัสเท่ากับคนที่อยู่ในประเทศอังกฤษ ผมจึงขอ (โยน) ให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแม่งานในการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างคุณชูฮวย หากมีโอกาส ให้ช่วยเล่าบรรยากาศการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ให้ทุกท่านได้ฟัง ขอบคุณครับ (จบอย่างชั่วร้าย อิอิ)

HK
4 มิ.ย. 48

4 Comments:

Anonymous Anonymous said...

น่าติดตามเหมือนเดิม

แต่คงขออ่านนะ ความคิดเห็นไม่ดีจ้ะ

อ้อ...มึงเขียนเดือนผิดน่ะ เดือนนี้ กรกฎาคม ย่อว่า ก.ค. แล้วจ้ะ

11:23 AM  
Blogger Lex Luthor said...

เห็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่ไม่ได้เห็นบรรยากาศของคอนเสิร์ต คิดว่าคงยิ่งใหญ่น่าดู อย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาณแสดงถึงความสามัคคีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวโลก ความสงบสุขจงมีแก่พวกเรา..

5:28 PM  
Blogger kasab71 said...

อย่าลืมรายงานด้วย

11:47 PM  
Anonymous แปลภาษาฝรั่งเศส said...

ผมขออนุญาตเจ้าของบล็อกประชาสัมพันธ์เรื่องการบริจากโลหิตหน่อยนะครับ คือผมเพิ่งไปบริจากมาเลยทำให้ได้ความรู้มาอยางนึง ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่รู้เช่นกัน ทราบหรือเปล่าครับว่าคนเราที่จริงแล้วมีเลือดส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คือปกติร่างกายเราต้องการเพียง 15-16 แก้ว แต่เรามีมากถึง 17-18 แก้ว นั่นก็คือมีเลือดส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้ครับ แล้วส่วนเกินนี้ปกติมันจะไปที่ไหนครับ ก็ถูกขับทิ้งออกมาทางปัสวะนั่นเอง ดังนั้นอย่าให้มันเสียเปล่าเลยครับ ไปบริจากให้คนที่เค้าต้องการดีกว่า ขอขอบคุณท่านเจ้าของบล็อกมากครับ การช่วยเผยแพร่ข้อมูลก็ถือเป็นบุญกุศลอย่างมากเลยครับ

6:58 PM  

Post a Comment

<< Home