Friday, September 09, 2005

ค้นหาผมคนเดิม

วันนี้ผมคงต้องขออนุญาตบ่นหน่อยนะครับ บ่นตัวผมเองนี่แหละครับ บ่นกับพฤติกรรมบางอย่างของตัวผมเองครับ ผมมีความรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ของผมอยู่ภาวะขาลงเหมือนกับสถานะของผู้นำบางประเทศ ขาลงในที่นี่ของผมไม่ได้หมายถึงหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่ผมทำอยู่ แต่หมายถึงสภาพจิตใจของผมที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมคงจะไม่มาขออนุญาตบ่นอย่างแน่นอนหากมันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่เป็นอยู่นี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากมันเป็นไปในทางที่แย่ลง ซึ่งสภาพจิตใจที่อยู่ในช่วงขาลงเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผมรู้สึกแย่และท้อใจ (ถ้าศัพท์วัยรุ่นสมัยใหม่เขาจะใช้คำว่า down down) แต่มันยังสะท้อนออกมาในพฤติกรรมของผมในหลายๆ ด้าน

ผมขาดสมาธิที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้งานไม่ออกมาอยู่ในมาตรฐานระดับปกติของตัวเอง หรือแม้มันออกมามันก็เหมือนกับงานที่ถูกกลั่นกรองมาอย่างลวกๆ และไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของผม และอีกประเด็นหนึ่งที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมและคนรอบๆ ตัวผม ก็คือ การสื่อสารกับคนรอบข้าง!!! ใช่ครับ ผมหมายถึงว่าช่วงเวลานี้ในบางครั้งผมไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างได้รู้เรื่องเหมือนแต่ก่อน ผมไม่สามารถทำให้เขาเกิดความเข้าใจในสารที่ผมพยายามจะส่งไปให้เขา ข้อความที่ผมส่งให้เขานั้น กลับกลายเป็นว่าเขาตีความหมายผิดไป และทำให้เขาเข้าใจมุมมองของผมผิดไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกครับ แต่เป็นความผิดของผมเอง เพราะเมื่อผมกลับมาทบทวนข้อความของผมแล้ว ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ช่วงเวลานั้นผมสื่อสารกับเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมกลับทำให้คนๆ นึงที่เขาอวยพรผมในบางเรื่องกลับต้องมานั่งเข้าใจผิด ตาย ตาย ตายครับ จนบัดนี้ผมยังไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย

ประเด็นที่สำคัญอีกประการ คือความคิด positive thinking ของผมที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของผมกลับลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนซีเรียส และจริงจังกับชีวิตมากเกินไป ซึ่งถ้าหลายท่านคงทราบดีว่าความจริงแล้วผมเป็นคนที่ร่าเริง มองโลกในแง่ดี ชอบปล่อยมุกตลก (แป๊กๆ) และจะไม่พยายามคิดเล็กคิดน้อยหรือจริงจังกับชีวิตมากเกินความจำเป็น รวมทั้งใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนมากที่สุด ขณะนี้หลายคนมองผมเป็นคนที่เครียดกับชีวิตทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของผมเลย เป็นผลให้คนบางคนที่ผมอยากให้เขารู้จักความเป็นตัวตนที่แท้จริงของผมเข้าใจผมผิดไป

สาเหตุของสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ในปัจจุบันของผมคงเกิดจากการที่ผมมุ่งมั่นกับงานมากจนเกินไปและไม่ยอมปล่อยวางเรื่องที่สมควรจะปล่อยวางบ้าง และเกิดจากกิเลสที่อยู่ในตัวผมเองที่ยังพยายามจะแข่งขันและมุ่งมั่นมากจนเกินความพอดี ความพอดีนี่แหละที่ทำให้มนุษย์อย่างเราๆ เป็นสุข จริงอยู่ที่ความตั้งใจจริงในการทำอะไรบางอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมันมากจนเกินไปก็จะเป็นสิ่งไม่ดีต่อสุขภาพกายและจิตของเราได้ ดังนั้นการกระทำทุกๆ อย่างนั้นเราควรตั้งอยู่ในความพอดี

เมื่อคิดอย่างนี้ได้ ผมควรจะปรับการดำเนินชีวิตของผมให้กลับมาอยู่ในความพอดีอีกครั้ง เพื่อให้กลับเข้าสู่เส้นทางการดำเนินชีวิตอย่างปกติอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่าผมจะกลับมาเป็นผมคนเดิมในเร็วๆ นี้ ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำและควรจะทำก็คือการขอโทษคนบางคนที่ผมให้เขาเข้าใจผิดในบางเรื่องและหวังว่าเขาคงเข้าใจผมได้มากขึ้น ซึ่งผมหวังว่าคงมีโอกาสนั้นครับ ขอบคุณครับ

HK
9 ก.ย. 48

4 Comments:

Blogger kasab71 said...

ดีแล้วหัวขี้ อย่าให้เครียดมาก ผ่อนคลายซะบ้างนะ

การตั้งใจเป้นสิ่งที่ดีมากว่ะ เพียงแต่ว่า ต้องไม่มากเกินไปจนเกร็ง และทัให้เสียการงาน

ส่วนเรื่องความรัก ซึ่งคาดว่ามึงจะมีแน่นอน ก็พยายามอธิบายให้เขาฟังดีๆนะ

เชื่อว่า ถ้าไม่เลวร้ายอะไรมาก สาวๆ ต้องยกโทษให้น่า เธอต้องใจอ่อนบ้างซิ

10:21 AM  
Blogger Egas said...

ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจที่ส่งมาทาง comment โทรศัพท์ และอีเมล์ของทุกคน ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่ายังไม่อินเลิฟและไม่มีปัญหาด้านความรักแน่นอน เป็นเพียงแค่มิตรภาพระหว่างเพื่อนเฉยๆ อาการและสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นและกำลังจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้วหลังจากที่รู้จักปล่อยวาง และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันง่ายขึ้น ขอบคุณครับ

4:37 AM  
Blogger kasab71 said...

เห็นด้วยกับคุณมิ้มครับ

ผมมักไปจตุจักรบ่อยๆ เพื่อหาซื้อของ มาแจกเพื่อนๆ ในงานรับปริญญา เชือกข้อมือนี่เป้นตัวอย่างที่ดี

ครั้งนี้ นึกขึ้นได้ว่าที่นี่มี เคยเดินผ่าน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจหามาก ไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ ไม่ตั้งใจมาก อยู่ๆก็เจอ เพราะร้านนี้เป้นร้านที่ถูกที่สุด แถมดีด้วย

แล้วก็ได้โคมไฟปลาทะเลน่ารักๆ มาอีก 1 ชิ้น โดยที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อมาก่อน แต่เกิดถูกชะตามาก แถมของดี ราคาถูก ต่อได้อีก

ครั้งต่อมา ตั้งใจ จะมาซื้อเชือกข้อมือโดยเฉพาะ เดินหา หลายชั่วโมง จากต้นซอย ไปปลายซอย จากมุมกว้างๆ วนมามุมแคบ

กลับไม่เจอ ทั้งๆ ที่ น่าจะเจอ จะว่าร้านปิดคงไม่ใช่ แต่หาไม่เจอมากกว่า เดินจนถึงเวลากลับ เหงื่อท่วม เลยไปซื้อร้านอื่น ซึ่งมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย

สู้ๆ คุณหัวอุนจิ

bon courage ขอเอาใจช่วย

10:29 AM  
Anonymous Anonymous said...

หนูคิดว่าบางที่พี่ก็น่าจะผ่อนคลายซะบ้างนะคะ
อย่าลืม ยิ้มให้กับตัวเองทุกวันนะคะ

2:58 AM  

Post a Comment

<< Home