Saturday, July 23, 2005

weekend in the middleeast


หลังจากที่หายไปจัดระเบียบกับชีวิตตัวเองมาเป็นเวลานานพอสมควรในที่สุดผมก็กลับมาอีกครั้งครับ ช่วงเวลาที่ผมหายไปนี้บอกตามตรงเลยว่าไม่กล้าเปิดบล็อกตัวเองเลย อาจเป็นเพราะเกิดความละอายที่ไม่ได้เขียนอะไรเลย ในรอบสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายอะไรมากนัก ผมหมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการใช้ความคิดครับ คิดโน่นคิดนี่ตามประสาคนขี้สงสัยคนหนึ่ง แต่วันนี้กลับมาทำหน้าที่เดิมแล้ว และแม้จะคิดโน่นคิดนี่มาเป็นเวลาร่วมอาทิตย์ แต่ก็ต้องสารภาพตามตรงเลยว่าแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ผมก็ยังนั่งคิดอยู่ แต่จะเป็นเรื่องอะไรบ้างที่ผมนั่งคิดนั้น อันนี้ขอเก็บไว้เป็นความลับนะครับ
มีหลายๆ คนชอบถามผมว่าช่วงวันหยุดผมชอบทำอะไร เนื่องจากว่าการพำนักอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางนี้แทบจะไม่มีอะไรให้ทำเลย ผมขอบอกเลยครับว่าสถานะการอาศัยอยู่ในประเทสเล็กๆ ประเทศนี้มีอะไรให้ผมทำเยอะแยะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มากทีเดียวเลยครับ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้กับผมว่าการอาศัยในประเทศกาตาร์เหมาะกับเป็นสถานที่ฝึกวิทยายุทธของเราในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านวิชาการและด้านการพัฒนาความคิด เนื่องจากมันเป็นประเทศที่เงียบ สงบ และสามารถให้เรามีสมาธิจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าเมืองหรือมหานครต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ด้วยเหตุนี้ ผมมักจะใช้วันหยุดของผมอยู่กับตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ วันหยุดทีผมมักจะหาข้ออ้างว่ายุ่งอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ความเป็นจริงแล้ ผมกำลังยุ่งกับตัวเองอยู่ครับ อาจมีการพบปะผู้คนบ้างในค่ำคืนวันศุกร์ แต่นั่นก็เป็นเวลาเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผมจะมีการสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นผมจะใช้เวลาในโรงภาพยนต์บ้าง หรือตามถนนเรียบชายทะเลบ้าง ใช้เวลากับตัวเองเนื่องจากในรอบสัปดาห์ที่ผ่นมาผมพบกับความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา การออกมาอยู่คนเดียวอย่างนี้ถือว่าเป็นการได้ทบทวนสิ่งที่ทำมาตลอดในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันนี้อาจจะเขียนไม่ได้มากมาย เลยขอเอารูปมาฝากแทนละกันนะครับ

Monday, July 04, 2005

ดนตรีการเมือง

ว่าจะเขียนเล่าเรื่องชีวิตวันหยุดสุดสัปดาห์ในตะวันออกกลางเสียหน่อย แต่เมื่อกางหนังสือพิมพ์ฉบับวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2548 สายตาก็พลันสะดุดกับข่าวการจัดคอนเสิร์ต Live 8 ที่มีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คอนเสิร์ตนี้มีความไม่ธรรมดาจนทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะต้องนำมาพูดถึงให้ท่านได้ฟังกัน

ที่ว่าไม่ธรรมดาก็เนื่องจากว่า คอนเสิร์ตดังกล่าวจัดขึ้นในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ กรุงโตเกียว กรุงโยฮันเนสเบิร์ก กรุงโรม กรุงลอนดอน เมืองคอร์นเวลล์ในประเทศอังกฤษ กรุงมอสโก เมืองแบร์รี่ในแคนาดา และเมืองฟิลาเดลเฟีย โดยทั้งหมดถูกจัดขึ้นในวันเดียวกันคือวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2548 ในช่วงเวลาต่างกัน โดยจะไล่มาจากประเทศทางทิศตะวันออก รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และอินเตอร์เนตเพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานในคอนเสิร์ตนี้

สำหรับโต้โผใหญ่ในการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้คืออดีตนักร้องเพลงร็อคที่มีชื่อเสียงผู้อุทิศตนเองเพื่อสังคมอย่าง Sir Bob Geldof เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้แล้วคงทำให้หลายคนนึกไปถึงคอนเสิร์ต Live Aid Charity Concert ที่จัดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่มาก โดยหลายท่านคงจะจำกันได้จากบทเพลง We are the World อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนั้นและครั้งนี้ได้แตกต่างกันออกไป โดยในครั้งนั้น คอนเสิร์ตได้ถูกจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจนในประเทศเอธิโอเปีย แต่ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่โก้เก๋กว่านั้นหลายเท่า คือ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาให้เห็นถึงปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยมีสโลแกนที่สวยหรูว่า Make Poverty History เหตุที่คอนเสิร์ตถูกจัดขึ้นในเวลานี้ก็เนื่องจากว่าการประชุม G-8 ซึ่งเป็นการประชุมของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (ได้แก่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มประเทศเหล่านี้ดำเนินการขจัดหนี้สินของประเทศยากจนในทวีปแอฟริกา การรณรงค์การค้าที่มีความยุติธรรม และเพิ่มความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ต่อไป

ในแต่ละประเทศก็จะมีศิลปินระดับ Big Names เข้าร่วมมากมายทั้งศิลปินท้องถิ่นหริอศิลปินระดับโลก แต่ไฮไลต์ของงานจริงๆ อยู่ที่คอนเสิร์ตที่ Hyde Park ในกรุงลอนดอน โดยมีเข้าร่วมชมกว่า 200,000 คน (ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีผู้เข้าชมหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน) โดยศิลปินที่เข้าร่วมต่างงัดฝีมืออันสุดยอดมาประชันกัน Sir Paul McCarthney แห่งวงสี่เต่าทอง The Beatles และ Bono จากวง U2 ถึงกับประกาศว่านี่จะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตร็อคที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา (ฟังแค่นี้ก็ขนลุกแล้วครับ)

ความไม่ธรรมดาอีกอย่างของคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือนอกจากศิลปินชื่อดังที่มาร่วมงานตามเวทีต่างๆ ทั่วโลกอย่าง Madonna Bjork REM Will Smith Celine Dion หรือ Pink Floyd แล้ว บุคคลสำคัญทั้งภาคการเมืองและภาคธุรกิจอย่าง Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติ หรือเจ้าพ่อวงการคอมพิวเตอร์อย่าง Bill Gates ต่างให้การสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นอย่างมาก

การจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้แม้จะอาจไม่มีผลทางกระบวนการทางการเมืองมากนักในการแก้ไขปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา แต่เชื่อว่าอาจเป็นปฐมบทให้ประชาชนได้หันมาตระหนักถึงปัญหาความยากจนดังกล่าวมากขึ้น แม้ผมจะได้เพียงแค่ติดตามข่าวจากทางโทรทัศน์และทางหน้าหนังสือพิมพ์ (ด้วยใจที่หวังว่าผลจากการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้อาจส่งผลต่อผลการประชุมกลุ่ม G-8) แต่ก็ได้เห็นถึงพลังของประชาชนที่ต้องการให้ชาวแอฟริกันทั้งหลายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่ายังไงคนทั้งโลกต่างเป็นพี่น้องซึ่งกันและกันและไม่มีวันทิ้งกันเมื่อพี่น้องคนใดคนหนึ่งต้องประสบกับปัญหา สำหรับบรรยากาศคอนเสิร์ตผมอาจจะไม่ได้สัมผัสเท่ากับคนที่อยู่ในประเทศอังกฤษ ผมจึงขอ (โยน) ให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแม่งานในการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างคุณชูฮวย หากมีโอกาส ให้ช่วยเล่าบรรยากาศการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ให้ทุกท่านได้ฟัง ขอบคุณครับ (จบอย่างชั่วร้าย อิอิ)

HK
4 มิ.ย. 48