Wednesday, November 02, 2005

เกียรติของคน ต้องขุดเอง


ผมเพิ่งได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง "มหาลัยเหมืองแร่" จากแผ่นวีซีดีที่ส่งมาจากเมืองไทย นับว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ผมรอชมมากที่สุดในปีนี้ (นอกเหนือจาก Star Wars Episode III ) ด้วยเหตุผลสองประการ คือ ผมประทับใจเรื่องนี้เมื่อครั้งได้อ่านหนังสือที่เขียนโดยศิลปินแห่งชาติ คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ และสอง ผมยังจำความรู้สึกที่ผมน้ำตาไหลด้วยความประทับใจในฉากสุดท้ายของหนังเรื่อง " 15 ค่ำ เดือน 11" ที่กำกับโดยคุณจิระ มะลิกุล ได้ดี ดังนั้นความคาดหวังที่ผมมีต่อเรื่องหมาลัยเหมืองแร่นั้นมีอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากผมไม่คิดที่จะตั้งความคาดหวังไว้สูงกับหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานชั้นเยี่ยมของวงการวรรณกรรมไทย เพราะจะต้องมีการดัดแปลง ปรับเปลี่ยน และผิดเพี้ยนไปจากจินตนาการเมื่อครั้งผมยังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ไม่มากก็น้อย

หนังสือรวมเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นจบในตอนจำนวน 142 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับในชีวิตแหมืองแร่กระโสมทิน เดรด จังหวัดพังงา ผ่านมุมมองของเด็กหนุ่มที่ถูกรีไทร์จากรั้วหมาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ซึ่งก็คือตัวอาจินต์นั่นเอง หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเพลิดเพลิน ได้เรียนรู้ถึงชีวิตคนชั้นแรงงานที่ทำงานอยู่ในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับแนวคิด หลักการในการใช้ชีวิตของคนธรรมดาๆ ต่างๆ ที่อาจฟังดูแล้วไม่เลิศเลอหรือสวยหรูเหมือนคำคมต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในหนังสือรวบรวมคติการใช้ชีวิตของพวกฝรั่ง แต่ก็สะท้อนถึงความเป็นจริง การใช้ชีวิตเพื่อให้ตนเองมีชีวิตอยู่รอดและสามารถต่อสู้กับความยากลำบากต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นจุดที่ผมประทับใจกับหนังสือเล่มนี้อย่างยิ่ง ข้อคิดในการใช้ชีวิต (ซึ่งผมอยากใช้คำว่าการต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตมากกว่า) ได้สอดแทรกเข้ามาในทุกๆ ตอนของหนังสือเล่มนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ แน่ก็คือเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้

หลังจากที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้จบ ผมเกิดความรู้สึกประทับใจระดับหนึ่ง ในแง่ของการสร้าง ฉากและอุปกรณ์ต่างๆ ต้องขอยกนิ้วให้เลยว่าออกมาได้ดีและคงจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่คนที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนจินตนาการมากนัก สำหรับในส่วนของบท (ซึ่งหนังไทยเกือบทุกเรื่องมักจะตกม้าตายตรงจุดนี้) ผมขอบอกว่า "สอบผ่าน" การดำเนินเรื่องอาจจะออกมาไม่ค่อยปะติดปะต่อและไหลลื่นมากนัก (ในจุดนี้หากทำได้เนียนกว่านี้ผมว่าหนังเรื่องนี้จะสมบูรณ์อย่างมาก) แต่ผมก็เข้าใจที่ว่าหนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยาย การที่จะนำรายละเอียดในนิยายจำนวน 142 ตอนมาใส่ไว้หนังความยาว ไม่เกินสองชั่วโมงนั้นจึงเป็นไปได้ยากยิ่งนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณจิระทำได้ดีในระดับหนึ่งและยังคงความประทับใจที่ปรากฎในนิยายบางส่วนไว้ได้ดี และผมก็เชื่อว่า ณ ตรงนี้คงจะไม่มีใครทำนำหนังสือเรื่องนี้มาทำหนังได้ดีเท่ากับคุณจิระอีกแล้ว สำหรับดาราที่มาแสดงก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งครับ

ผมอดไม่ได้ที่จะเอาชีวิตของอาจินต์ฯ กับชีวิตผมาเปรียบเทียบกัน เนื่องจากภาวะที่เขาเผชิญเมื่อครั้งไปทำงานที่เหมืองกับภาวะที่ผมเผชิญเมื่อครั้งจากบ้านเกิดเมืองนอนมาทำงานในต่างแดนนั้นช่างมีความละม้ายคล้ายคลึงอยู่พอสมควร ผมต้องจากครอบครัวอันเป็นที่รักมาทำงานในที่ๆ มีแต่คนแปลกหน้า ซึ่งงานต่างๆ ที่ผมทำช่างแตกต่างกับสิ่งที่ผมได้เคยเรียนรู้เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ผมต้องพบกับอุปสรรคมากมาย สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าตนเองก็เปรียบเสมือนจุดเล็กๆ ของสังคมและพยายามค้นหาวิธีที่จะทำให้จุดเล็กๆ จุดนี้เป็นฟันเฟืองที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมได้ (ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการค้นหา) ดังนั้นผมจึงชอบคำที่โปรบของหนังเรื่องนี้ว่า "เกียรติของคน ต้องขุดเอง"เนื่องจากผมเป็นอีกคนที่เชื่อว่า การดำเนินการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น แม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ตัวเราเป็นผู้ที่จะทำทุกอย่างให้เป็นผลสำเร็จอยู่ดี

แม้ว่าความประทับใจที่ผมมีต่อหนังเรื่องนี้อาจจะไม่เทียบเท่ากับเมื่อครั้งผมดู "15 ค่ำเดือน 11" ก็ตามแต่ข้อคิดต่างๆ ที่หนังเรื่องนี้ได้นำมาจากหนังสือเพื่อถ่ายทอดให้ผู้ชมนั้น และพยายามจะให้คนดูได้คิดหาวิธีในการใช้ชีวิตเพื่อประสบความสำเร็จนับว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ก่อนจบผมขอฝากทิ้งท้ายคำคมจากหนังเรื่องนี้อีกประโยคว่า "อดีตคือความฝัน ปัจจุบันต้องอดทน" ครับ

HK

2 Nov. 05

2 Comments:

Anonymous Anonymous said...

น้องตั๊บ ไหน เอามายืมมั่งดิ๊ มหาลัยเหมืองแร่ อ่ะ สงสารป้าแก่ที่ไม่ได้กลับบ้านหน่อย อยากดูเหมือนกันเลย อ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อนานมากแล้ว สมัย"ฉันจึงมาหาความหมาย period of life"

เฮ้ย พี่อ่ะ เด็กแนวรุ่นบุกเบิกนะ do not underestimate me เชียว แต่ว่า โต๊ะโตะจัง พี่ก็อ่านนะ คู่กรรมก็อ่าน (อ่านไปร้องไห้ไปจนตีหนึ่งเลย ขอบอก อินจัด)

ปล. น้องตั๊บ มีชื่อที่เพื่อนๆเรียกว่าอะไรนะ.....หัว...
ขอโทษที ขำจนปวดท้องแล้ว เด็กผู้ชายนี่ปากจัดจริงๆ

2:27 AM  
Anonymous Anonymous said...

ส่งต่อมาให้ผมดูบ้างสิครับ

11:31 AM  

Post a Comment

<< Home