Eid Mubarak (1)
Eid Mubarak
ถึง เพื่อนๆ ที่รัก
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า Eid Mubarak ซึ่งมีความหมายว่า สุขสันต์เนื่องในวันอีด เพื่อนๆ อาจจะงงว่าวันอีดคือวันอะไร ก่อนอื่นต้องขออฅธิบายให้เพื่อนๆ ฟังก่อนว่าวันอีด หรือ Eid แบ่งออกได้เป็นสองช่วง คือ Eid Al Fitr ซึ่งคือวันเฉลิมฉลองสิ้นสุดเทศกาลการถือศีลอด และ Eid Al Adha ซึ่งคือวันเฉลิมฉลองให้แก่ชาวมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งวันอีดนี้ถือเป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ทั่วโลกยิ่งนัก และสำคัญยิ่งกว่าวันปีใหม่ (ทั้งของสากลและของอิสลามเสียอีก) ในวันอีดนี้ ชาวมุสลิมจะตื่นกันตั้งแต่เช้า โดยจะมีดการเตรียมอาหาร ขนมต่างๆ เพื่อจัดเลี้ยง ก่อนที่จะเดินทางไปที่มัสยิดเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา บางที่อาจจะมีการรวมตัวกันที่ลานใหญ่เพื่อประกอบพิธีกรรมร่วมกัน ซึ่งแม้แต่กษัตริย์ก็จะมาร่วมสวดมนต์กับประชาชนทั่วไป จากที่ฉันมาอยู่ที่ประเทศนี้เป็นเวลากว่าสองปี ฉันค่อนข้างจะชื่นชมต่อ Commitment ที่เขามีต่อศาสนาเขายิ่งนัก ฉันคุยกับคนเหล่านี้พบว่า เขาสามารถที่จะตอบหรืออธิบายเกี่ยวกับหลักศาสนาและคำสอนของศาสดาได้อย่างชนิดที่ว่ารู้ลึกและรู้จริง ซึ่งทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการศึกษาทางศาสนาควรปลูกฝังให้ประชาชนไทยได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนาที่ตนนับถืออยู่อย่างถ่องแท้เสียที ไม่ใช่ว่า ปากบอกเป็นพุทธ ไม่สามารถตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาได้ กลับเข้าเรื่องกันใหม่ หลังจากสวดแล้ว ก็จะออกเดินทางไปยังบ้านเพื่อนหรือคนรู้จักต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง บางพวกอาจจะมีการออกไปเที่ยวกับครอบครัวยังต่าง จังหวัด
วันอีดปีนี้ในกาตาร์ตรงกับวันที่ 3 พฤศจิกายน (อ้อ ลืมบอกไปการกำหนดวันอีดนั้น เขาจะดูจากพระจันทร์นะ) สำหรับฉันในปีนี้นั้นค่อนข้างจะมีเวลาว่างพอสมควร เนื่องจากมีวันหยุดถึง 4 วัน ซึ่งแน่นอนฉันก็ต้องนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบตามปกติ แต่หลังจากที่ได้คุยกับ “ท่อก” เกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการสอบ ก่อนที่จะจบการสนทนาของเราสองคน ท่อกบอกกับฉันว่า อย่าลืมไปหาเหล้ากินบ้าง (ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดจากปากกะท่อกเลยเนอะ ว่ามั้ย) ฉันเก็บคำพูดนี้มาทำตาม เพียงแต่ไม่ได้ออกไปกินเหล้าเท่านั้นแหละ ฉันได้จัดแจงนัดหมายกับเพื่อนของฉันที่นี่สองคนว่าเราควรจะออกจากกรุงโดฮาไปสำรวจสถานที่ต่างๆ ในกาตาร์กันบ้าง และจุดมุ่งหมายของพวกเราในคราวนี้คือเหนือสุดของประเทศกาตาร์ ผู้ร่วมเดินทางกันไปในครั้งนี้ก็มีฉัน พี่ออง ซึ่งเป็นคนไทยที่เป็นวิศวกรอยู่บริษัทขุดเจาะน้ำมันชื่อดังของโลกแห่งหนึ่งที่มีสาขาในกาตาร์ เกด เพื่อนสาว (ที่มีอยู่ไม่กี่คน) ประจำกลุ่ม ทำงานอยู่สายการบินกาตาร์ และเพิ่มมาอีกคนคือ ไอมัน เพื่อนร่วมงานชาวอียิปต์ของพี่อองที่เพิ่งรู้จักกันแต่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
เราออกเดินทางประมาณเที่ยงวันของวันที่ 3 พฤศจิกายน ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เราตัดสินใจที่จะไปเที่ยงเย็นกลับ โดยอุปกรณ์ที่เราขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เลย คือ กล้องถ่ายรูป พี่อองเป็นคนที่บ้ากล้องมาก และฉันก็ถือว่าเขาเป็นครูสอนเรื่องกล้องคนแรกของฉันเอง พวกเราค่อนข้างจะตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้พอสมควร เนื่องจากการที่เราอยู่กาตาร์กันมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรและได้เดินทางไปตามที่ต่างๆ เราก็รู้ว่าทางทิศใต้ของกาตาร์ติดกับชายแดนซาอุดิอาระเบีย (ซึ่งฉันก็เกือบจะโดนจับเนื่องจากตำรวจคิดว่าฉันจะหนีออกนอกประเทศ) ทางทิศตะวันออกนั้น แน่นอนก็คือกรุงโดฮา และหากเลาะชายฝั่งทางทิศตะวันออกและตะวันตกไปทางเหนือก็จะเจอเมืองอุตสาหกรรม Ras Laffan (Ras Laffan Industrial City) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีโครงการด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโครงการด้านพลังงานอื่นๆ ที่สำคัญอีกหลายโครงการ (ไว้วันหลังจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะเวลาคุยเรื่องน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์พลังงานของที่นี่ทีไรอดน้อยใจกับราคาน้ำมันบ้านเราไม่ได้) และหากไปทางทิศใต้ก็จะเจอ Sand Dune ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในกาตาร์ และกำลังจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของกาตาร์นั้นติดกับทะเล มีเมืองสำคัญชื่อว่า Dukhan และมีโรงงานต่างๆ มากมาย รวมถึงยังเป็นบ่อน้ำมันในทะเล (Off Shore) อีกด้วย
เนื้อที่หมดพอดี ยังไม่ได้เริ่มเดินทางกันเลย มัวแต่โม้ออกนอกเรื่องมากไปหน่อยเลยยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการเดินทางเต็มๆ ในฉบับต่อไปนะ แล้วไว้เจอกัน
Huakee
4 พ.ย. 48
Sand Dune ที่เมือง Meisaeed ทางตอนใต้ของกรุงโดฮา
บริเวณในเขตอุตสาหกรรมที่เมือง Ras Laffan จะเป็นโรงงาน และที่เห็นส้มๆ นั่นคือท่อส่งก๊าซ เสียดายที่วันนั้นลมแรงไปนิด เลยภาพไม่ชัด
Rock Formation บริเวณทางไปทิศตะวันตก เกิดจากการรวมตัวกันของหินดินทรายต่างๆ ที่ถูดพัดมา
สุดเขตแดนตะวันตกที่เมือง Dukhan
บริเวณที่เชื่อมต่อกับชายแดนซาอุฯ ที่เห็นคือด่าน ตรวจคนออกเมือง